หาดทรายสีดำกับปริศนาสีนิล การเกิดหาดทรายสีดำ ที่เที่ยวในไทยและในโลก
เมื่อพูดถึงหาดทราย หลายคนก็คงจะคิดถึงชายหาดกว้าง ที่มีทรายสีเหลืองทองหรือสีน้ำตาลวางตัวอยู่เคียงคู่กับน้ำทะเลสีฟ้าคราม แต่ทว่า หาดบางที่กลับไม่มีภาพเช่นนั้น เพราะว่า มันเป็น หาดทรายสีดำ เกิดอะไรขึ้น? มีคราบน้ำมันรั่วรึป่าว? หรือเป็นสารพิษอันตรายรึป่าว… ไม่ครับ หาดทรายตามธรรมชาติก็มีสีดำได้ แต่มีได้แค่บางที่เท่านั้น เพราะอะไร เรามาหาคำตอบด้วยกันเลย…
ทำไมหาดทราย เป็นสีดำ
การที่เรามองเห็นหาดทรายเป็นสีดำนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะทรายที่มีสีเหลืองถูกคราบสีดำมาเกาะ หรือทรายสีเหลืองเปลี่ยนสีเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เป็นเพราะว่า ตัวเม็ดทรายเองมีสีดำเลยต่างหาก ซึ่งการที่เม็ดทรายมีสีดำนั้น มีได้หลายสาเหตุ ตามธรรมชาติ แต่จะขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มคร่าวๆ ก็คือ
การระเบิดของภูเขาไฟ
ภูเขาไฟ เปรียบเสมือนช่องทางระหว่างผิวเปลือกโลกที่เราอาศัยอยู่ กับชั้นหินหนืดใต้ผิวโลก ที่เรียกว่า ชั้นแมนเทิล ซึ่งมีหินหนืดอุณหภูมิสูงหลอมละลายอยู่ เรียกว่า แมกม่า เมื่อภูเขาไฟเกิดการปะทุขึ้นมา ก็จะพ่นเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลออกมาพร้อมกับหินหนืดที่ถูกดันออกมาจากใต้เปลือกโลก เรียกหินหนืดที่ไหลออกมาว่า ลาวา
เถ้าถ่านที่ออกมากับการระเบิดของภูเขาไฟนี้ อาจมาพร้อมกับตะกอนเศษหินแร่ต่างๆ จากใต้ผิวโลกขึ้นมาด้วย โดยมีหินที่มีแร่เหล็กหรือกลุ่มควอตซ์ปะปนอยู่มาก ซึ่งมักมีสีดำ แรงระเบิดของการปะทุจะฉีกหินพวกนี้เป็นเศษเล็กเศษน้อยเป็นฝุ่นหรือผงทราย ถ้าหากการระเบิดเกิดขึ้นริมชายฝั่งทะเล เมื่อภูขาไฟสงบ ตะกอนเหล่านี้จะเกิดการทับถมเป็นหาดทรายสีดำสนิทนั่นเอง
การผุกร่อนและทับถมของหินแร่
อธิบายแบบง่ายๆ คือ เป็นการเกิดหาดทรายดำนอกเขตภูเขาไฟ ทรายดำที่ได้ไม่ได้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโดยตรง แต่เกิดจากการผุกร่อนของแร่เหล็กในชั้นหินออกมาปะปนกับทราย หรือ การยุบตัวของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยแร่ควอตซ์ ซึ่งการเกิดด้วยวิธีนี้อาจได้หาดทรายที่ไม่ใช่สีดำสนิท แต่อาจมีสีจากตะกอนอื่นๆ ปะปนอยู่ด้วย ขึ้นกับปริมาณของทรายดำที่เกิดการผุกร่อนและทับถมว่ามีมากน้อยเพียงใด อีกทั้งเนื้อทรายอาจจะไม่ละเอียดเท่ากับการเกิดจากภูเขาไฟอีกด้วย
หาดทรายดำ ประเทศไทยก็มีนะ
เห็นหาดทรายสีดำแปลกตาอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะต้องซื้อตั๋วไปดูให้เห็นกับตาถึงต่างประเทศ เพราะประเทศไทยของเราก็มีให้ดูเช่นกัน! โดยมีด้วยกันอยู่ 2 ที่ก็คือ…
หาดทรายดำ แหลมงอบ, จังหวัดตราด
หาดทรายดำแห่งนี้ตั้งอยู่ริมป่าชายเลน ที่ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เป็นหาดกว้างหันหน้าสู่อ่าวไทย บริเวณช่องแคบตราด ซึ่งจะมองเห็นฝั่งตรงข้ามเป็น เกาะช้าง จังหวัดตราด ที่นี่เป็นหาดทรายดำแบบเกิดจากการผุกร่อนทับถมของแร่ ไลโมไนต์ (Limonite) สีค่อนข้างดำสนิท แต่มีตะกอนทรายและเปลือกหอยสีเหลือง/ขาวปะปนเล็กน้อย ถ้าไปช่วงน้ำลง จะเห็นหาดทรายดำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก สามารถเดินชมบนสะพานไม้ระยะทาง 1 กิโลเมตรได้อีกด้วย
หาดทรายดำ หมู่เกาะพยาม, จังหวัดระนอง
หาดทรายดำนี้ ตั้งอยู่บนเกาะทรายดำ ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม ในทะเลอันดามัน นอกชายฝั่งจังหวัดระนอง โดยทรายดำที่นี่เกิดจากที่ตะกอนแร่และเศษผงของเนื้อไม้จากป่าชายเลนบนเกาะมาทับถมกันเป็นเวลานาน ที่นี่ยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นแหล่งอาศัยของกุ้งเคย หรือ คริล นับพันตัวอีกด้วย
ในโลกนี้มีทรายดำสวยๆ ที่ไหนอีกบ้าง
หาดทรายดำ ใกล้เมือง Vik ทางตอนใต้ของ ประเทศไอซ์แลนด์
Black Sand Beach, รัฐแคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา
หาดทรายดำ บนเกาะลังกาวี, ประเทศมาเลเซีย
หาดทรายดำ ในเมือง Hyūga , จังหวัดมิยาซากิ เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น
หาดทรายดำ บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้
ทรายดำมีสรรพคุณทางยาจริงไหม
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นของแปลก แน่นอนว่าจะต้องมีคนนำไปใช้ในการบำบัดโรค โดยอ้างว่ามีสรรพคุณทางยา สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ ทรายดำนี้ก็เช่นกัน เคยมีชาวบ้านคนหนึ่งอ้างว่าการนอนแช่ทรายดำเป็นระยะเวลาหนึ่งสามารถรักษาโรคอัมพฤกษ์ได้ จึงมีการใช้ทรายดำในการรักษาโรคต่างๆ มากมาย ซึ่งจริงๆ แล้ว ทรายดำก็เป็นเพียงทรายธรรมดาๆ เหมือนกัน ไม่มีสรรพคุณทางยาหรือรักษาโรคอะไรได้ทั้งสิ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดูแลหาดเองก็บอกเช่นกันว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่มีสารใดในทรายที่สามารถบำบัดรักษาโรคได้ตามที่กล่าวอ้าง เพียงแต่การแช่เท้าในทรายดำจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เท่านั้น
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเรื่องราวของ ทรายสีดำ ซึ่งไม่ใช่ทรายที่มีสารพิษแต่อย่างใด แต่เป็นทรายที่มีต้นกำเนิดและเรื่องราวไม่เหมือนกับทรายทั่วไป ทว่าก็สามารถสร้างความสวยงามให้กับชายหาดและน้ำทะเลได้เช่นกัน สำหรับบางข้อมูลที่บอกว่า หาดทรายดำ มีอยู่เพียง 5 ที่ในโลกเท่านั้น ข้อมูลนี้ผิดนะครับ เพราะในโลกนี้มีหาดทรายดำสวยๆ อีกหลายที่ ทั้งที่เป็นที่รู้จักแล้วและยังไม่ถูกค้นพบก็มี ถ้ามีโอกาสก็ลองไปเที่ยวกันดูนะครับ
อ้างอิง: Manager.co.th, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, Lifefoc.com, wikipedia.org