ศาสตร์แปลกๆ ของหมอแปลก เมื่อคุณหมอพับเมืองและสร้างเวทย์แสงจากกลศาสตร์ควอนตัม
ใครคือซุปเปอร์ฮีโร่ที่คุณชื่นชอบที่สุดในทีม The Avengers? บางคนอาจจะตอบว่า Captain America เพราะความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของเขา บางคนอาจตอบว่า Ironman เพราะเขาโคตรเท่ (และรวยมาก) หรือจะเป็นเทพเจ้า Thor ราชาแห่งแอสการ์ด เพราะพลังสายฟ้าสุดอลังการ
สามคนที่ยกตัวอย่างขึ้นมานั้น คือ Top 3 Fan Favourite ของซุปเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลภาพยนตร์ (Cinematic Universe) จาก Ranker เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนังจากค่ายมาร์เวลแล้ว มนุษยชาติเกือบจะทั้งหมดบนโลกย่อมเคยดูกันมาบ้าง เราจึงอยากชวนทุกคนมาเจาะลึกกับความสามารถของหนึ่งในทีมซุปเปอร์ฮีโร่สุดฮิต
ซึ่งคนที่เราจะมาทำความรู้จักกันนั้น…..ไม่มีอยู่ในรายชื่อที่กล่าวมาตอนแรก
ยังมีซุปเปอร์ฮีโร่อีกคนนึงที่ยังได้รับความรักจากแฟน ๆ น้อยกว่าที่ควรจะได้รับ ทั้ง ๆ ที่ความสามารถของเขานั่นน่าสนใจอย่างมาก และเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นที่ขาดหายไปในทีม เหมือนเวลาที่เราเล่นเกมแล้วรวมทีมกัน อาชีพ “จอมเวทย์” นั้นเป็นสมาชิกในทีมที่ขาดไปก็เหมือนขาดใจ
หลาย ๆ คนคงจะเดาได้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว ว่าเราจะมาพูดถึง Dr.Stephen Vincent Strange หรือ Dr.Strange กัน!
ศาสตร์แปลกๆ ของหมอแปลก
เราจะไม่ย้อนความไปถึงต้นกำเนิดและชีวประวัติของซุปเปอร์ฮีโร่คนนี้ อย่างที่เกริ่นไปนิด ๆ ตอนแรกว่าเราจะมาเจาะลึกถึงความสามารถกันล้วน ๆ ซึ่งสาเหตุที่เราได้หยิบยก Dr.Strange มานั้น นอกจากความน่าสนใจของตัวละครแล้วยังเป็นเพราะความสามารถของคุณหมอที่ช่างพิสดารสมชื่อ ดูเหมือนจับต้องไม่ได้แต่จับต้องได้ ดูมึนงงแต่ตรงไปตรงมา ดูเหมือนเวทมนตร์แต่ความจริงแล้วมีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์
ความสามารถหลัก ๆ ของ Dr.Strange ที่จะมาเล่าสู่กันฟังนั้นมาจากภาพยนตร์เปิดตัวเรื่องแรกของเขา “Doctor Strange” ที่ออกฉายเมื่อปี 2016 (ใครยังไม่ได้ดูรีบหามาดูนะ!) ถ้าพิจารณาจากลักษณะภายนอกเราจะแบ่งความสามารถของเขาออกเป็นสองหัวข้อใหญ่ คือ
- โล่และอาวุธจากแสงสีส้ม ๆ เขียว ๆ
- การพับเมือง!
เรามาเริ่มตีแผ่ความสามารถของ Dr.Strange ด้วยการตอบคำถามข้างล่างนี้กันดีกว่า
แสงสามารถทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ไหม
ถ้าคุณตอบว่า “ได้” ยินดีด้วย คุณเก่งมาก แต่เราไม่มีรางวัลอะไรให้นะ
ถ้าคุณตอบว่า “ไม่ได้” เชิญฟังทางนี้
นักวิทยาศาสตร์ยุคแรก ๆ เชื่อว่า แสงมีคุณสมบัติเป็นอนุภาค โดยที่สมบัติการหักเหและสะท้อนของแสงนั้นสามารถอธิบายความเป็นอนุภาคของแสงได้ แต่ภายหลังได้มีการทดลองต่าง ๆ เกี่ยวกับแสงเกิดขึ้นมากมาย จนได้พบว่าแสงก็มีคุณสมบัติเป็นคลื่นเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นยังทำให้เราได้ค้นพบสมบัติการแทรกสอดและเลี้ยวเบนของแสงอีกด้วย
เหตุการณ์ถัดมาคือการค้นพบว่าความเร็วของแสงมีค่าเท่ากับความเร็วของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้แสงจึงถูกจัดว่าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง รวมถึงการทดลองศึกษาในระดับอะตอม โดยการฉายแสงใส่โลหะแล้วพบว่ามีอิเล็กตรอนหลุดออกมาจากผิวโลหะ ซึ่งเราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Photoelectric Effect โดยอนุภาคของแสงนั้นมีชื่อว่าโฟตอน (Photon) มันไม่มีมวล แต่มีการถ่ายเทพลังงานและโมเมนตัมในการเคลื่อนที่ การมีอยู่ของอนุภาคของแสง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ตามหลักฟิสิกส์เดิมนั้นทำให้เกิด Quantum Mechanics ขึ้น
สรุปง่าย ๆ สำหรับผู้อ่านที่กำลังจะหลับก็คือแสงมีทั้งสองคุณสมบัติ คือทั้งเป็นอนุภาคและคลื่นในเวลาเดียวกันนั่นเอง
เหตุที่ต้องยกเนื้อหาเหล่านี้มาเล่าให้ฟังกันก่อนนั้น เพราะเราอยากให้เข้าใจลักษณะความเป็น “โฟตอน” ของแสง ซึ่งเป็นพื้นฐานในพลังมหัศจรรย์ของ Dr.Strange อย่างที่เราเห็นกันตลอดทั้งเรื่องว่าคุณหมอได้ใช้พลังนี้ในการสร้างทั้งเครื่องป้องกันและอาวุธ คือใช้ทั้งในการเคลื่อนไหววัตถุ และปัดวัตถุให้ออกจากตัว ซึ่งสิ่งนี้มีชื่อว่า Photophoresis Effect
เมื่อด้านหนึ่งของอะตอมของโมเลกุลแก๊สถูกให้ความร้อนด้วยโฟตอน โมเลกุลด้านนั้นจะเหมือนถูกกระตุ้นทำให้ขยับเร็วขึ้น จึงเกิดแรงผลักโมเลกุลก้อนนั้นให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับแสง ถ้าไม่เข้าใจให้ลองหลับตานึกภาพฝูงชนจำนวนมากที่ยืนเกาะกลุ่มกันใต้ร่มเงา แต่มีบางคนที่โชคร้ายโดนแดดส่องเต็ม ๆ ทำให้พวกนางต้องขยับหนีแสงเข้ามา กลุ่มคนก้อนนั้นก็จะขยับออกจากทิศที่แสงส่องมาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราได้เห็นหลักการนี้ในสเกลที่ใหญ่มหึมาในภาพยนตร์นั่นเอง
แต่ความเจ๋งของโฟตอนไม่ได้มีเพียงแค่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่เท่านั้น โฟตอนยังสามารถถูกจับมาผนึกกำลังกันเป็นสสารได้อีกด้วย!
โฟตอน สสารที่ไม่มีมวล
หลายคนอาจกำลังเกิดคำถามขึ้นมาว่าในเมื่อโฟตอนไม่มีมวลแล้วจะมาเสนอหน้าเป็นสสารได้ยังไง?
นักวิทยาศาสตร์จาก Harvard และ MIT ได้ใช้สื่อนำพิเศษ มาทำให้โฟตอนมีปฏิกิริยาต่อกันจนเกิดเป็นสสารขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตัวโฟตอนเองไม่มีมวล แต่กลับมีพฤติกรรมเหมือนมีมวล ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือโฟตอนมารวมตัวกันเป็นสสารที่มีโครงสร้างสามมิติคล้ายกับคริสตัล
และตอนนี้เราก็เข้าสู่ช่วงการแฉความสามารถอย่างที่สองของคุณหมอ ว่าเขาพับเมืองด้วยวิธีไหน
เมื่อหมอแปลกพับเมือง
เป็นที่สังเกตได้ชัดเจนมากว่า Key Visual ของภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยภาพสะท้อนแบบคริสตัล เริ่มตั้งแต่โลโก้ Marvel ตอนเปิดเรื่องที่เหมือนภาพจากในกล้อง Kaleidoscope หรือฉากที่ Dr.Strange ได้สัมผัสกับ “เวทมนตร์” ครั้งแรก สิ่งที่เขาพบคือมิติที่ถูกดัดแปลงให้มีลักษณะเหมือนผลึกคริสตัล
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโฟตอนกระทบกับอะตอมจำนวนมากที่อยู่ในอากาศ จนคุณลักษณะของอะตอมถูกส่งผ่านไปยังโฟตอน เมื่อถึงจุดหนึ่งทำให้ตัวโฟตอนที่สะท้อนออกจากอะตอมเกิดเป็นอะตอมตัวใหม่ขึ้น
พูดง่าย ๆ ก็คือโฟตอนเหล่านั้นกลายเป็นแสงที่มีคุณสมบัติเป็นของแข็ง หรือ Light Crystal
อาจฟังดูแฟนตาซีจนไม่น่าเชื่อ แต่มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งได้ทำการทดลองสร้างคริสตัลขึ้นจากแสงล้วน ๆ มาแล้ว! (ถ้าสนใจเพิ่มเติมลองค้นหางานวิจัยชื่อ Observation of a Dissipation-Induced Classical to Quantum Transition มาอ่านดูนะ)
ซึ่งความเป็นคริสตัลนี้เองที่จะมาอธิบาย “ภาพ” ที่คนดูใส ๆ ซื่อ ๆ อย่างพวกเราเห็นบนจอ นั่นคือความจริงแล้วคุณหมอไม่ได้พับเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนภาพไปมาในผลึกคริสตัลต่างหาก
ดังนั้นแล้ว Dr.Strange ไม่ได้ “เปลี่ยนแปลง” ความเป็นจริงทางกายภาพ แต่เขาเปลี่ยน “การรับรู้” ของคนอื่นให้เห็นในมิติที่เขาสร้างขึ้นมา เมืองก็ยังเป็นเมืองอย่างเดิมโดยปกติ รูปร่างของอาคารที่หมุนไปมาความจริงแล้วไม่ได้หมุน
โดยสรุปแล้วพลังอำนาจพิลึกพิสดารที่เราเห็นในหนังทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากความรู้วิชา Quantum Mechanics
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากที่ทีมงานให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราจึงอยากขอพื้นที่เล็ก ๆ ในย่อหน้าสรุปเพื่อแนะนำให้ผู้อ่านรู้จักกับ Prof.Adam Frank นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Rochester ผู้เป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของหนัง Doctor Strange ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพล้นจอแบบนี้ออกมาให้ได้เสพกัน ขอบพระคุณค่ะลุงแฟรงค์
สำหรับหนังล่าสุดที่คุณหมอโผล่มาคือเรื่อง Avengers: Infinity War (ขอร้องไห้แป๊บ) ซึ่งคุณหมอเองก็รับบทบาทสำคัญเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจดจ่อรอภาคต่อกันแทบไม่ไหว คงต้องมาลุ้นกันอีกว่า Dr.Strange จะปล่อยพลังอะไรใหม่ ๆ อีกบ้าง และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นที่มาที่ไปและแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังแบบนี้อีก นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุก นักแสดงที่หล่อ และภาพที่สวยงาม
อ้างอิง: