รศ.ดร.วรณพ วิยกาญจน์ และ รศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกับผู้ร่วมวิจัยจากประเทศไทยท่านอื่นๆ อีก 13 ชีวิต ได้เดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือ ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าอุณหภูมิที่ขั้วโลกโดยเฉลี่ยสูงขึ้นกว่า 5 องศาเซลเซียส และพบเห็นกลุ่มหมีขาวกำลังกินมอสและพืชเป็นอาหาร
การสำรวจขั้วโลกเหนือของนักวิจัยไทยในปี 2561
การเดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือของอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเลและคณะนักวิจัยในครั้งนี้ เริ่มสำรวจกันตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนและขยะพลาสติกขนาดเล็กที่มีต่อสัตว์ทะเลหน้าดินที่ขั้วโลกเหนือ โดยคณะสำรวจจะเก็บข้อมูลสภาพน้ำ สัตว์ ตะกอนน้ำ เพื่อมาทำการศึกษาวิเคราะห์ เป็นข้อมูลเปรียบเทียบสภาพของขั้วโลกใต้และขั้วโลกเหนือ ว่ามีความเปลี่ยนแปลงเช่นไร ภายใต้ความร่วมของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วย สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อุณหภูมิขั้วโลกสูงขึ้น หมีขาวเริ่มกินพืชแทนสัตว์ทะเล
จากปฏิบัติการดำน้ำสำรวจของคณะนักวิจัยพบว่า อุณหภูมิที่ขั้วโลกโดยเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าอุณหภูมิปกติ มากกว่า 5 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น อาจเป็นผลให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้ดี และพบแมงกะพรุน และหวีวุ้น (สัตว์จำพวกแมงกะพรุน) จำนวนมากขึ้นกว่าในอดีต
สิ่งมีชีวิตในบริเวณขั้วโลกเหนือจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เนื่องจากไม่สามารถหาอาหารได้อย่างเพียงพอ โดยคณะนักวิจัยพบเห็นแม่หมีขาวพร้อมกับลูกๆ กำลังกินมอสและพืชชนิดอื่นเป็นอาหาร จากปกติที่หมีขาวจะเป็นสัตว์กินเนื้อ เช่น แมวน้ำเป็นอาหาร ประกอบกับการผ่าซากของหมีขาวในบริเวณพื้นที่ ก็พบปริมาณของพืชมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการกินพวกพืชเป็นอาหารมากๆ จะทำให้หมีขาวมีสภาพร่างกายอ่อนแอและไม่แข็งแรง
ที่มา: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แนวหน้า